FAQ รางกระดูกงู

Question: ข้อดีของการใช้งาน รางกระดูกงูร้อยสายไฟ

Answer: 1. จัดระเบียบสายเคเบิล : รางกระดูกงูทำหน้าที่ช่วยในการจัดระเบียบสายไฟและสายสัญาณต่างๆ ไม่ให้เกิดการพันและการบิดงอ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของความเสียหาย นอกจากนี้ยังเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานอีกด้วย
2. เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเครื่องจักร : โดยป้องกันไม่ให้สายเคเบิลเกิดความเสียหายก่อนเวลาอันควร
3. ซ่อมบำรุงง่าย : รางกระดูกงูร้อยสายไฟ นั้นมีการติดตั้งที่ง่ายทั้งในตอนใส่สายไฟและตอนถอดสายไฟ
4. การลดเสียงรบกวน: รางกระดูกงูที่มีฝาครอบรอบด้าน ช่วยลดการสั่นสะเทือน และลดระดับเสียงรบกวนในสภาพแวดล้อมการทำงาน
5. สามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ : รางกระดูกงูร้อยสายไฟ มีหลายขนาด, วัสดุ และ อุปกรณ์ชิ้นส่วนอื่นๆ ที่สามารถปรับแต่งได้ ให้เหมาะสมกับความต้องการของเครื่องจักรที่ใช้งาน

Question: วิธีการเลือกขนาดและชนิดของรางกระดูกงู

Answer: 1. พิจารณาสายเคเบิล ตัวอย่างเช่น จำนวนสายเคเบิลในระบบ, ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอก, รัศมีความโค้ง และชนิดของสายเคเบิลและสายสัญญาณ
2. ตรวจสอบขนาดความกว้างภายในของรางกระดูกงู : ในการพิจารณาขนาดภายในของรางกระดูกงู จำเป็นต้องพิจารณาขนาดของสายไฟ และสายสัญญาณ รวมไปถึงระยะห่างระหว่างสายด้วย
3. พิจารณาการรับน้ำหนัก : โดยต้องคำนวณน้ำหนักสูงสุดของสายไฟและสายสัญญาณ รวมไปถึงน้ำหนักของอุปกรณ์อื่นๆ ด้วย เช่น ข้อต่อต่างๆ
4. สภาพแวดล้อม : สภาพแวดล้อมเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องพิจารณาด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น ความชื้น, การใช้งานในห้องคลีนรูมที่ต้องปลอดฝุ่น เป็นต้น ดังนั้นจำเป็นต้องเลือกวัสดุของรางกระดูกงูร้อยสายไฟให้เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละสภาพแวดล้อม
5. ทิศทางการเคลื่อนที่ : พิจารณาระยะทางและทิศทางการเคลื่อนของสายไฟและสายสัญญาณ รวมไปถึงพิจารณาเรื่องของความเร็วและความเร่งในการเคลื่อนที่ด้วยเช่นกัน
6. รูปแบบข้อต่อจับยึด : พิจารณาวิธีการติดตั้งรางกระดูกงูร้อยสายไฟ ตามรูปแบบของข้อต่อจับยึด ตัวอย่างเช่น ข้อต่อจับยึดแบบล็อคอยู่กับที่ หรือข้อต่อจับยึดแบบเคลื่อนที่

Question: ปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาในการออกแบบรางกระดูกงูร้อยสายไฟ

Answer: 1. พิจารณาขนาดของสายเคเบิล และสายสัญญาณ : เพื่อคอนเฟิร์มว่าพื้นที่ภายในของรางกระดูกงู มีพื้นที่เพียงพอสำหรับรองรับขนาดของสายไฟและสายสัญญาณ ในขณะที่มีการเคลื่อนที่
2. โหลดที่รางกระดูกงูสามารถรับได้ : เลือกรางกระดูกงูที่สามารถรองรับโหลดทั้งหมดได้ และความยาวที่เหมาะสมซึ่งไม่ทำให้รางกระดูกงูตึงหรือหย่อนจนเกินไป
3. ความยืดหยุ่นและระยะของการเคลื่อนไหว: ตัวอย่างเช่น การเคลื่อนที่แบบเส้นตรง หรือ แบบหลายแกน, รัศมีการโค้งงอ, และความยืดหยุ่นในขณะบิดตัวของรางกระดูกงู
4. สภาพแวดล้อมในการใช้งาน : เลือกวัสดุของรางกระดูกงูที่สามารถทนต่อสภาพแวดล้อม ต่างๆ ได้เช่น ทนอุณหภูมิสูง, ทนความชื้น เป็นต้น
5. รูปแบบ mounting และการติดตั้ง : นอกจากจะติดตั้งให้เหมาะสมกับสภาพการใช้งานแล้ว ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าง่ายต่อการติดตั้งและการซ่อมบำรุงรักษา
6. ความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน : ตรวจสอบให้แน่ใจว่ารางกระดูกงูร้อยสายไฟได้มาตรฐานความปลอดภัย เช่น การทนไฟ, เป็นฉนวนไฟฟ้า เป็นต้น
7. การซ่อมบำรุง

Question: วัสดุอะไรที่นิยมใช้ในการผลิตรางกระดูกงู

Answer: 1. พลาสติกหรือโพลิเมอร์ : เป็นวัสดุทั่วไปที่นิยมใช้ในการผลิตรางกระดูกงู ซึ่งรวมไปถึงพลาสติกวิศวกรรม เช่น โพลีเอไมด์ (ไนลอน), โพลีโพรพิลีน และ โพลีเอทิลีน. โดยพลาสติกเหล่านี้มีคุณสมบัติเด่นคือ สามารถทนสารเคมีได้ และ ทนแรงกระแทก
2. เหล็ก : รางกระดูกงูที่ผลิตจากเหล็ก มีความแข็งแรงสูง รองรับโหลดสูง รวมไปถึงสามารถทนอุณหภูมิได้สูงเช่นกัน นิยมใช้ในงานอุตสาหกรรมหนัก
3. อะลูมิเนียม : รางกระดูกงูอะลูมิเนียมมีน้ำหนักและความแข็งแรงระดับหนึ่ง ซึ่งวัสดุอะลูมิเนียมมีคุณสมบัติในการทนต่อการกัดกร่อนได้ค่อนข้างดี นิยมใช้ในงานที่ต้องการลดน้ำหนักของระบบ เช่น ระบบหุ่นยนต์, ระบบอุตสาหกรรมอัตโนมัติ
4. สเตนเลส : สเตนเลส สามารถทนต่อการกัดกร่อนได้สูง มีความแข็งแรง, ทนต่อความชื้น สารเคมี และ อุณหภูมิสูง ได้ดี เหมาะสำหรับใช้ในงานอุตสาหกรรมเคมี, งานทางทะเล